รีวิว ภาพยนตร์ Edge of Tomorrow (2014) ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร

Alienสิงหาคม 26, 2024
รีวิว ภาพยนตร์ Edge of Tomorrow (2014) ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร

หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและพลิกผันเกินคาดเดา “Edge of Tomorrow” จะเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาคุณเข้าสู่โลกที่มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของเอเลี่ยนสุดอันตราย และติดตามการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในรูปแบบวนลูปเวลาที่ทั้งแปลกใหม่และท้าทาย ทุกการตัดสินใจและการกระทำจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวละคร นำไปสู่การผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและไม่สามารถละสายตาได้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกภาพยนตร์

  • แนวเรื่อง แอ็คชัน / ไซไฟ
  • ผู้กำกับ ดัค ไลแมน
  • นักแสดงนำ ทอม ครูซ / เอมิลี่ บลันท์
  • เข้าฉายครั้งแรกในวันที่ 6 มิถุนายน 2014

เรื่องย่อ

ในอนาคตอันใกล้ มนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของเอเลี่ยนสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “มิมิก” พวกมันมีพลังมหาศาลและมีความสามารถในการวางแผนที่เหนือมนุษย์ ทำให้การต่อสู้กับพวกมันยากลำบากขึ้นทุกที Major William “Bill” Cage (Tom Cruise) เป็นนายทหารที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในสนามรบมาก่อน ถูกบังคับให้เข้าสู่สมรภูมิครั้งแรกและถูกฆ่าตายในไม่ช้า แต่เขากลับตื่นขึ้นมาในวันเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในระหว่างที่ติดอยู่ในลูปเวลานี้ เขาพบกับ Sergeant Rita Vrataski (Emily Blunt) ทหารหญิงผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้กับมิมิก ซึ่งเคยติดอยู่ในลูปเวลาเช่นเดียวกัน ทั้งสองต้องร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากการวนลูปนี้ในการเรียนรู้วิธีการเอาชนะเอเลี่ยนและป้องกันการล่มสลายของโลก

บทวิจารณ์

“Edge of Tomorrow” ถือเป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นในหลายด้าน ตั้งแต่การกำกับที่แยบยล การแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร การสร้างภาพที่น่าทึ่ง และการใช้เทคนิคพิเศษที่ล้ำสมัย เรื่องราวที่วนเวียนในลูปเวลานั้นไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความสนุกและความท้าทายให้กับผู้ชม แต่ยังสร้างความลึกซึ้งให้กับตัวละครและเนื้อเรื่องด้วย โดย Doug Liman สามารถดึงเอาความสามารถทางการแสดงของ Tom Cruise และ Emily Blunt ออกมาได้อย่างเต็มที่

และ Cruise ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครจากนายทหารขี้ขลาดที่ไม่อยากเข้าร่วมสงคราม ไปจนถึงการเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ ส่วน Blunt ในบทบาทของ Rita ก็มีความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว เธอไม่ใช่แค่ตัวละครหญิงที่เข้ามาเป็นคู่หูของพระเอก แต่เธอมีบทบาทสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเนื้อเรื่องและเพิ่มความเข้มข้นให้กับภาพยนตร์ ในด้านเทคนิคพิเศษและการสร้างภาพ “Edge of Tomorrow” ทำได้อย่างน่าประทับใจ

ฉากการต่อสู้กับเอเลี่ยนที่เข้มข้นและดุเดือดทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบจริง ๆ ภาพการทำลายล้างและเทคโนโลยีทหารที่ล้ำสมัยยิ่งเพิ่มความสมจริงและความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์ สิ่งที่ทำให้ “Edge of Tomorrow” แตกต่างจากภาพยนตร์ไซไฟทั่วไปคือแนวคิดของการวนลูปเวลา ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนและน่าติดตาม แต่ยังเพิ่มโอกาสในการพัฒนาตัวละครและสร้างความผูกพันกับผู้ชม

การเห็น Cage ตายและกลับมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เราเข้าใจถึงความสิ้นหวังและความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกจากลูปนี้นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังสามารถผสมผสานองค์ประกอบของแอ็กชันและคอมเมดี้เล็ก ๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้มีช่วงเวลาที่ทั้งตื่นเต้นและผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ ฉากที่ Cage ต้องเผชิญกับความตายในหลาย ๆ รูปแบบระหว่างการฝึกกับ Rita ก็ถูกนำเสนอออกมาในแบบที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

การให้คะแนน 9/10

“Edge of Tomorrow” เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน ทั้งในด้านเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ การแสดงที่ยอดเยี่ยม การกำกับที่มีวิสัยทัศน์ และเทคนิคพิเศษที่สมจริง แม้ว่าบางครั้งเนื้อเรื่องอาจจะดูซับซ้อนและต้องใช้สมาธิในการติดตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟอื่น ๆ “ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร”ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟธรรมดา แต่เป็นผลงานที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความละเอียดในการเล่าเรื่อง โดยการใช้แนวคิดของการวนลูปเวลา ผู้ชมจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกับหนังเอเลี่ยนเรื่องอื่น ๆ และได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นตัวละครพัฒนาตนเองและเรียนรู้จากความล้มเหลว บทบาทของ Tom Cruise และ Emily Blunt ทำให้ภาพยนตร์นี้มีมิติและน่าติดตามยิ่งขึ้น ทั้งคู่สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเต็มที่ และพาให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสนุกที่ผ่อนคลายไม่เครียด และไม่ถึงกับตลกมากเกินความพอดี

Edge of Tomorrow” เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความบันเทิง ความตื่นเต้น และความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว ถ้าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์ไซไฟที่ชื่นชอบการต่อสู้กับเอเลี่ยน และสนุกกับเรื่องราวที่ท้าทายจินตนาการ นี่คือภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด ไม่เพียงแค่จะได้รับชมฉากแอ็กชันที่เข้มข้นและเอฟเฟกต์พิเศษที่ยอดเยี่ยม แต่ยังได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการไม่ยอมแพ้และความมุ่งมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อมนุษยชาติ จึงเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชม และอาจจะทำให้คุณคิดใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของตัวเองในบางแง่มุมอีกด้วย